วิตามินเพิ่มน้ำหนัก ที่ไม่ได้เห็นผลดีแค่น้ำหนักเพิ่ม

ปัญหาน้ำหนักตัวน้อยหรือน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ สร้างความหนักใจให้กับใครหลายคน ทำให้ขาดความมั่นใจ ใส่ชุดไหนก็ไม่สวย อยากมีหุ่นดี มีน้ำมีนวลขึ้นแต่ทานเท่าไหร่ ก็ไม่อ้วน เบื่ออาหาร บางคนผอมมากไปจนมีโรคต่างๆ เข้ามาแทรกซ้อน วิตามินเพิ่มน้ำหนัก กลายเป็นทางเลือกใหม่ของคนอยากหุ่นสวย ปัจจุบันมีให้เลือกหลายยี่ห้อ วันนี้เราจะมาแนะนำ อาหารเสริมช่วยเพิ่มน้ำหนักที่ไม่ได้ช่วยเพิ่มน้ำหนักเพียงอย่างเดียวแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพด้วย

ทำไมบางคนกินเท่าไหร่ น้ำหนักไม่เพิ่ม

พันธุกรรม

หนึ่งในสาเหตุกินเท่าไหร่ ก็ไม่อ้วนคือ พันธุกรรม บางคนร่างกายเผาผลาญมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะกินเท่าไหร่ร่างกายก็ยังผอม น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ สังเกตได้จากพ่อแม่ หรือญาติทางสายเลือด ถ้ามีคนใดคนหนึ่งผอม อาจถ่ายทอดพันธุกรรมมาที่เราได้

มีโรคประจำตัว

สาเหตุที่ทำให้ผอมหรือน้ำหนักตัวลด อาจมาจากโรคประจำตัว เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน โรคซึมเศร้า โรคไทรอยด์ โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น

ทานอาหารไม่ถูกหลัก

ผอมเกินไป อาจมาจากการทานอาหารไม่ถูกหลัก ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารจำเป็นช่วยเร่งการเจริญเติบโต บางคนทานอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่ ทานอาหารไม่มีประโยชน์

สารเสพติด

การใช้สารเสพติด มีผลทำให้ร่างกายผอม ไม่ว่าจะทานอาหารเข้าไปมากเท่าไหร่ น้ำหนักก็ไม่เพิ่ม รวมถึงผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด มีผลทำให้น้ำหนักตัวลดได้เช่นเดียวกัน

ความเครียด

ภาวะเครียด ความวิตกกังวลต่างๆ ทำให้ทานอาหารไม่อร่อย ไม่ค่อยอยากอาหาร เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวจึงลดลงอย่างรวดเร็ว ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น กระตุ้นให้ร่างกายทำงานหนัก ใช้พลังงานมาก ร่างกายซูบผอมหรือทรุดโทรม

ทานวิตามินเพิ่มน้ำหนัก ยี่ห้อไหน

หากน้ำหนักตัวของคุณซูบผอม หรือน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ทานเท่าไหร่ ไม่อ้วน เบื่ออาหารไม่เจริญอาหาร เราขอแนะนำ MULTIVITAMIN PLUS อาหารเสริมเพิ่มน้ำหนัก นอกจากจะเพิ่มน้ำหนักแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดเลือนริ้วรอย ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง ไม่หมองคล้ำ อาหารเสริมเพิ่มน้ำหนักกระปุกนี้ มาในรูปแบบแคปซูล ทานง่าย ทานสะดวกทุกที่ ทุกเวลา อุดมไปด้วยวิตามินรวมมากถึง 13 ชนิดและยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย

น้ำหนักตัวผอมเกินไป ไม่ใช่เรื่องดี อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากสาเหตุไหน คุณสามารถทานวิตามินเพิ่มน้ำหนักได้ MULTIVITAMIN PLUS ไม่ได้มีดีแค่เพิ่มน้ำหนักแต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ดีต่อผิวพรรณ เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย คนที่มีอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป ทานได้อย่างปลอดภัย ผลิตภัณฑ์มี อย. และมาตรฐาน GMP

แนะนำ lasik ราคา ในบ้านเรา ทำเลสิกต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน

อย่างที่หลายคนอาจจะพอทราบกันมาบ้างแล้วว่าการสิคนั้นคือการผ่าตัดชนิดหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตา ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง โดยการผ่าตัดในที่นี้นั้นคือการใช้เลเซอร์ปรับความโค้งของกระจกตา ทำให้เกิดเป็นค่าสายตาที่แม่นยำ เพื่อทำให้แสงที่กระทบต่อวัตถุนั้นตกลงบริเวณเรตินาได้พอดี ทำให้ผู้ที่มีสภาวะทางสายตานั้นกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามทำเลสิกนั้นมีหลายประเภทหลายชนิดให้ผู้ป่วยได้เลือกกัน เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้เราจะมาอธิบาย lasik ราคา ว่าแต่ละวิธีมีราคาเท่าไหร่กันบ้าง

ทำ lasik ราคา เท่าไหร่ในบ้านเรา ข้อมูลที่สำคัญก่อนตัดสินใจ

PRK (Photorefractive Keratectomy)

สำหรับการรักษาแบบ PRK หรือ Photorefractive Keratectomy คือการรักษารุ่นแรก ๆ ที่ใช้กัน แต่ยังเป็นวิธีการรักษาที่ยังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน โดยวิธีก็การใช้ใบมีดที่ไม่มีคมขนาดเล็ก ลอกผิวกระจกตาชั้นนอกสุดออกก่อน และใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) ปรับความโค้งของกระจกตา และปิดทับด้วยคอนแทกต์เลนส์ชนิดพิเศษ โดยติดไว้ราว 5-7 วันเพื่อลดอาการระคายเคือง และลดการติดเชื้อ เมื่อแผลหายดีแล้วจึงลอกคอนแทกต์เลนส์นี้ออก สำหรับค่ารักษาแบบ PRK จะอยู่ที่ประมาณ 30,000-40,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่เข้ารักษา)

Microkeratome LASIK

สำหรับการรักษาแบบ Microkeratome LASIK คือกการรักษาโดยการใช้ใบมีดขนาดเล็กปิดฝากระจกตา แล้วใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) ปรับความโค้งของกระจกตาชั้นกลางจนได้ค่าสายตาที่ต้องการ แล้วจึงปิดกระจกตากลับลงไปที่เดิม สำหรับการรักษาแบบ Microkeratome LASIK จะมีค่ารักษาอยู่ที่ประมาณ 30,000-50,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่เข้ารักษา) ถือเป็น lasik ราคา ในระดับกลาง ๆ สำหรับผู้ที่มีฐานะปานกลางพอจะทำได้

Femto LASIK

สำหรับการรักษาแบบ Femto LASIK เป็นการรักษาแบบเลเซอร์เป็นหลัก โดยจะใช้เฟมโตเซคเคิลเลเซอร์ (Femtosecond Laser) เปิดฝากระจกตา จากนั้นจะปรับความโค้งโดยใช้ เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) ปรับความโค้งของกระจกตา ถือได้ว่าเป็นวิธีการทำเลสิกที่ปลอดภัย และแม่นยำมากกว่าใช้ใบมีดเสียอีก สำหรับการรักษาแบบ Femto LASIK จะมีค่าใช้จ่ายราว 50,000-100,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่เข้ารักษา)

ทั้งนี้การจะทำเลสิกได้นั้นควรจะปรึกษาและวางแผนการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะฉะนั้นแล้วผู้ที่ต้องการจะทำเลสิกควรไปพบแพทย์ตามสถานพยาบาลที่คุณคิดว่าง่าย และสะดวกสบายที่สุดสำหรับตัวคุณ เพื่อพิจารณาว่าวิธีการรักษาแบบใดจะเหมาะสมกับตัวคุณเองมากที่สุด และนี่คือทั้งหมดของการแนะนำ lasik ราคา สำรวจราคาค่าทำเลสิกในบ้านเราที่คุณควรรู้

ผู้ป่วยสโตรก

ผู้ป่วยสโตรก ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เสี่ยงต่อโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต 

โรคสโตรกเป็นโรคชนิดหนึ่งที่ไปทำลายเซลล์สมอง สาเหตุของโรคนี้จะมาจากหลอดเลือดในสมองเกิดการอุดตัน แตก หรือสมองตีบ เป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลให้ ผู้ป่วยสโตรก เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตตามมา เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่ควบคุมการทำงานและเคลื่อนไหวของร่างกาย อันเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะมากล่าวถึงโรคสโตรกใน ผู้ป่วยสโตรก ให้รู้จักว่าเป็นโรคแบบใด 

ประเภทของโรคสโตรกใน ผู้ป่วยสโตรก  

สำหรับประเภทโรคสโตรกของ ผู้ป่วยสโตรก จะแบ่งออกได้ทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งสามารถกล่าวได้ดังต่อไปนี้ 

  • ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว อาการจะคล้ายกับโรคสมองที่ขาดเลือดซึ่งไม่มากไปกว่า 24 ชั่วโมงก็กลับมาเป็นปกติ ภาวะเช่นนี้จะต้องเข้าพบแพทย์ในโรงพยาบาลทันทีเนื่องจากเป็นภาวะเร่งด่วน ผู้ป่วยสโตรก 15 เปอร์เซ็นต์ จะมีอาการที่สมองขาดเลือดในชั่วขณะหนึ่ง  
  • ภาวะหลอดเลือดสมองแตก เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภาวะเลือดออกในสมอง ทำให้เซลล์สมองบาดเจ็บเพราะภายในเนื้อสมองมีเลือดคั่ง เนื้อสมองจึงตายได้ ส่วนใหญ่พบในคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง หลอดเลือดจึงโป่งพองและเปราะ ส่วนสาเหตุอื่น ยกตัวอย่างคือ เลือดมีการแข็งตัวที่ผิดปกติ หลอดเลือดสมองโป่งพอง  
  • ภาวะสมองหลอดเลือดตีบตัน เรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า ภาวะสมองขาดเลือด สามารถพบได้ 80 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณ สาเหตุก็คือการที่หลอดเลือดเสื่อมสภาพลงเพราะคราบหินปูน ไขมัน ได้สะสมในผนังหลอดเลือดจนหนา ไม่ยืดหยุ่น แข็ง ทำให้การลำเลียงของเลือดมีประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง นอกจากนี้อาจมีสาเหตุมาจากลิ่มเลือดที่อยู่บริเวณหัวใจ รวมถึงผนังหลอดเลือดที่แตกออก 

สัญญาณเตือนถึงอาการของ ผู้ป่วยสโตรก 

การที่จะเป็น ผู้ป่วยสโตรก ต้องมีอาการที่สื่อให้รู้ว่าเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมองซึ่งนำมาสู่การเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ โดยสามารถกล่าวถึงอาการที่แสดงออกว่าเป็น ผู้ป่วยสโตรก ได้ดังต่อไปนี้ 

  • แขนข้างใดข้างหนึ่งเกิดอาการอ่อนแรงและชาแบบเฉียบพลัน หรือก็คือการสูญเสียการทรงตัว 
  • มีปัญหาด้านการมองเห็นแบบฉับพลัน โดยจะเห็นแค่ภาพครึ่งเดียว เห็นเป็นภาพซ้อน ตาบอดทั้งสองข้างหรือข้างใดข้างหนึ่ง 
  • อ่อนแรงหรือชาบริเวณใบหน้าซีกหนึ่งซีกใดซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถอมน้ำอยู่ ปากเบี้ยว ปากแตก  
  • มีอาการสับสน พูดไม่ชัด นึกคำไม่ได้ พูดไม่ออก 
  • ปวดศีรษะแบบรุนแรงฉับพลัน 

จะเห็นได้ว่า ผู้ป่วยสโตรก จะมีอาการต่าง ๆ ที่บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นโรคนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงอีกโรคหนึ่งเลยก็ว่าได้ หากใครที่มีอาการที่คล้ายกับโรคสโตรก ให้รีบเข้าพบแพทย์โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาโดยด่วน ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยก็ว่าได้ 

วิตามินซี

วิตามินซีนั้นดีอย่างไร

วิตามินจัดเป็นสารอาหารประเภทหนึ่งที่ร่างกายต้องการ ซึ่งร่างกายของคนเรานั้นต้องการวิตามินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรวิตามินก็มีส่วนที่สำคัญต่อร่างกาย เรียกว่าถึงร่างกายจะต้องการไม่มากแต่ก็ขาดไม่ได้ ซึ่งวิตามินก็จะแฝงอยู่ตามผักและผลไม้ที่เรารับประทานเข้าไป โดยตัววิตามินนี้มีหลายประเภทด้วยกัน มีทั้งวิตามินที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์เองได้และแบบที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ หนึ่งในวิตามินที่ร่างกายสังเคราะหืขึ้นเองไม่ได้และมีความจำเป็นต่อร่างกายมากนั่นคือ วิตามินซี โดยวิตามินซีเป็นวิตามินที่พบได้มากในผักและผลไม้โดยเฉพาะผลไม้จำพวกที่มีรสเปรี้ยว ในวันนี้เราจะพูดถึงประโยชน์ของวิตามินซีว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง

ประโยชน์ของวิตามินซี

  • ประโยชน์อย่างแรกคือมีประโยชน์ต่อระบบร่างกายภายใน โดยวิตามินซีนั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยปกป้องเซลล์ อีกทั้งยังช่วยสร้างคอลลาเจนในร่างกายเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆหรือส่วนที่สึกหรอภายในร่างกาย จึงส่งผลให้เป็นตัวที่ช่วยชะลอความแก่และลดการเกิดริ้วรอยอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายและช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ ซึ่งเคยมีการวิจัยพบว่าการรับประทานวิตามินซีหรือผักผลไม้ที่มีวิตามินซีจะช่วยลดอาการหวัด หรือทำให้เป็นหวัดยากกว่าคนที่ไม่ทานวิตามินซีเลย แล้วก็ยังช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟันได้ด้วย
  • นอกจากประโยชน์ต่อระบบภายในร่างกายแล้วยังมีประโยชน์ต่อระบบภายนอกร่างกายอย่างผิวพรรณอีกด้วย โดยตัววิตามินซีนี้จะเป็นตัวที่ช่วยปรับผิวที่หมองคล้ำให้ดูกระจ่างใสขึ้น หลักการทำงานของวิตามินซีต่อชั้นผิวคือวิตามินซีจะเข้าไปลดการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวและไปกระตุ้นให้มีการผลิตกลูต้าไธโอนและวิตามินอีเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้ผิวดูสุขภาพดี มีความกระจ่างใสขึ้น และนอกจากจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสแล้วยังช่วยลดเลือนริ้วรอยจากรอยสิว รอยดำ รอยแดงหรือสีผิวที่มีไม่สม่ำเสมอให้กระจ่างใสเท่ากันด้วย แล้วก็ยังช่วยสมานแผลให้หายเร็วอีกด้วย เรียกได้ว่าหากใครมีปัญหาผิวลองหาวิตามินซีมารับประทานหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของวิตามินซีมาใช้ รับรองปัญหาจะค่อยๆจางลงไป

เห็นได้ว่าวิตามินซีเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเราทั้งภายในและภายนอก ซึ่งหากเรารับประทานวิตามินซีในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (ร่างกายคนเราต้องการวิตามินซี 500-2,000 มิลลิกรัม) ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ทั้งภายในและภายนอกเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสวยจากภายในสู่ภายนอก